- ยังไม่มีสินค้าในตระกร้า!

Voice over IP (VoIP) คืออะไร
VoIP ย่อมาจาก Voice over Internet Protocol คือการสื่อสารทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการโทรศัพท์ผ่านทางเครือข่าย Internet ซึ่งมีข้อดีอันดับแรก ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโทรได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรภายในประเทศ หรือการโทรระหว่างประเทศก็ตาม เพราะการโทรศัพท์ผ่านทางระบบ Internet นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานผ่านทางชุมสายโทรศัพท์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของส่วนที่ให้บริการด้วย
เทคโนโลยี Voice Over Internet Protocol
หลักการพื้นฐานของเครือข่าย TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
TCP/IP ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 2 ส่วน คือ
1.TCP (Transmission Control Protocol) มีหน้าที่ในการตรวจสอบการรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ส่ง และเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้รับ ให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน หากมีการสูญหายของแพ็กเก็ตข้อมูล ก็จะมีการแจ้งให้ต้นทางทราบแล้วทำการส่งแพ็กเก็ตที่สูญหายมาให้ใหม่
2.Internet Protocol (IP) โดยมีหลักการทำงาน คือ แบ่งข้อมูลที่จะส่งเป็นชิ้นเล็กเล็กๆ หรือเรียกว่าแพ็กเก็ต แล้วทำการส่งแพ็กเก็ตไปยังเส้นทางที่เหมาะสมทีละแพ็กเก็ตถึงปลายทาง แต่ละแพ็กเก็ตอาจจะใช้คนละเส้นทางในการเดินทางถึงปลายทางก็ได้ ขึ้นอยู่กับ การพิจารณาเลือกเส้นทางของเราเตอร์ในช่วงต่างๆ หากเกิดการผิดพลาด ณ ช่วงเวลาการส่งใด เราเตอร์ที่รับผิดชอบการส่งช่วงนั้นก็จะทำการส่งแพ็กเก็ตใหม่ให้อัตโนมัติ เมื่อถึงปลายทางระบบจะทำการรวบรวมแพ็กเก็ตกลับให้เป็นเนื้อข้อมูลดังเดิม
ลักษณะการทำงานของ IP (Internet Protocol)
จะทำหน้าที่เลือกเส้นทางที่จะใช้รับส่งข้อมูลในระบบเครือข่าย และทำการตรวจสอบที่อยู่ของผู้รับ โดยใช้ข้อมูลขนาด 4 Byte เป็นตัวกำหนดแอดเดรส หรือที่เรียกว่า IP Address ซึ่งโพรโตคอล TCP จะทำงานอยู่ในชั้น Transport Layer ตัวแพ็กเก็ต TCP จะประกอบด้วย ส่วนหัว (Header) และส่วนข้อมูล (Data) ส่วนโพรโตคอล IP จะทำงานอยู่ในชั้น Network Layer ตัวแพ็กเก็ต IP จะประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนหัว (IP Header) จะประกอบด้วย IP แอดเดรสของเครื่องต้นทางและปลายทาง และส่วนข้อมูล (IP Data) จะเป็นที่เก็บโพรโตคอล TCP เนื่องจากโพรโตคอล TCP/IP จะถูก Encapsulate ให้มาอยู่ในส่วนแพ็กเก็ต IP
การสื่อสารผ่านเครือข่ายไอพีต้องมีเราเตอร์ (Router) ที่ทำหน้าที่พิเศษเพื่อประกันคุณภาพช่องสัญญาณไอพีนี้ เพื่อให้ข้อมูลไปถึงปลายทางหรือกลับมาได้อย่างถูกต้อง และอาจมีการให้สิทธิพิเศษก่อนแพ็กเก็ตไอพีอื่น (Quality of Service: QoS) เพื่อการให้บริการที่ทำให้เสียงมีคุณภาพ ซึ่งจะเห็นการพัฒนาของอุปกรณ์เน็ตเวิกส์ในปัจจุบัน สวิตช์ในปัจจุบันได้มีการเพิ่ม Port QoS (Quanlity of Service) มาด้วยในหลายยี่ห้อ
คุณสมบัติสำคัญของ VoIP เมื่อเทียบกับระบบโทรศัพท์แบบเดิมในองค์กร
ระบบโทรศัพท์แบบเดิม
ระบบโทรศัพท์แบบเดิมเป็นระบบ Analog ใช้งานผ่านตู้สาขา (PBX) ช่วยให้องค์กรใช้งานคู่สายโทรศัพท์ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถต่อจ่ายเบอร์ให้กับผู้ใช้มากกว่าคู่สายจริง เปรียบเสมือนการแบ่งใช้คู่สายโทรศัพท์ โดยมี PBX เป็นตัวจัดการ เช่น องค์กรมีคู่สายจริง 1 เลขหมาย และติดตั้ง PBX เพื่อแบ่งเลขหมายติดต่อกันภายในองค์กร ติดต่อระหว่างแผนก เรียกว่าเบอร์ภายใน จำนวนเลขหมายภายในขึ้นอย่กับตู้ PBX ที่ใช้งานว่าต้องการใช้งานเลขหมายภายในกี่เบอร์ ก็เลือกซื้อตู้ PBX มาใช้งานขึ้นอยู่กับขนาดขององค์กร ในที่นี้ยกตัวอย่างว่ามีเบอร์ภายใน 10 เลขหมายสามารถติดต่อกันระหว่างแผนกต่างผ่านบริการของตู้ PBX โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่เมื่อแต่ละแผนกต้องการติดต่อไปยังเลขหมายภายนอกองค์กร ตู้ PBX ก็จะทำการให้บริการโดยจับคู่เลขหมายภายในกับคู่สายจริงที่ว่างอยู่แล้วทำการ เรียกไปยังเลขหมายภายนอกที่ผู้ใช้ต้องการ แต่สามารถใช้งานโทรออกภายนอกได้ครั้งละ 1 คู่สายในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเรามีเลขหมายจริงเพียง 1 เลขหมายในการหมุนออกนอกองค์กร หากต้องการใช้งานพร้อมๆกันมากขึ้นก็ต้องเพิ่มคู่สายจริง ทั้งหมดนี้ PBX จะเป็นตัวจัดการให้ คุณสมบัติต่างๆ ของระบบโทรศัพท์ คือ โอนสายและวอยซ์เมลล์
ระบบโทรศัพท์แบบ VoIP
ระบบ VoIP คือการติดต่อสื่อสารด้วยเสียงระบบ Digital ผ่านเทคโนโลยีเครือข่าย IP (Internet Protocol) โดยมีระบบฝากข้อความแบบ E-Mail และ Fax มีคุณสมบัติต่างดังนี้
-สามารถโอนสายไปเครื่องอื่น หรือเข้าระบบวอยซ์เมลล์อัตโนมัติเมื่อไม่มีผู้รับสาย
-สามารถตั้งลำดับการรับสายได้ เช่น เมื่อมีการโทรเข้าเริ่มจากเครื่อง IP Phone (โทรศัพท์ที่ใช้ในระบบ VoIP), โทรศัพท์มือถือ, เบอร์บ้าน, หากยังไม่มีการรับสายก็ส่ง Massage เข้ามือถือหรือ E-Mail
-สามารถแสดงเบอร์โทรศัพท์ หรือ IP Address เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารให้ผู้รับสายเห็นเบอร์คู่สนทนาได้
-สามารถใช้งานโทรศัพท์ผ่านทางเครื่อง IP Phone หรือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
-สามารถตรวจข้อความ E-Mail, Voice Mail, Fax ผ่านแ แอพพลิเคชั่นบนคอมพิวเตอร์ได้
-สามารถส่ง Fax ผ่านเครื่อง Fax หรือแอพพลิเคชั่นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
Voice over IP (VoIP) คืออะไร
Voice over IP (VoIP) ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี 1996 ในนิตยาสาร CTI Magazine (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Communication Solutions Magazine.) ได้วิจารณ์เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์และการโทรศัพท์สามารถทำงานร่วมกัน ซึ่งมีการใช้งานครั้งแรกในธุรกิจ Call Center โดยเป็นการทำงานร่วมกับเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ
Voice over IP คือเทคโนโลยีการนำสัญญาณเสียงมาผสมกับสัญญาณข้อมูล เพื่อส่งไปบนระบบเครือข่าย IP (Internet Protocol) ปกติจะใช้ IP ในการส่งสัญญาณข้อมูลเท่านั้น เทคโนโลยี VoIP นี้ได้พัฒนาจนสามารถสื่อสารสัญญาณเสียงผ่าน IP ได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของเครือข่ายโทรศัพท์ได้มากขึ้น ซึ่งการติดต่อสื่อสารแบบเดิมเป็นแบบ Analog ทำให้สิ้นเปลืองเวลาและอุปกรณ์ เช่น การเชื่อมต่อโทรศัพท์ระหว่างปลายทางและต้นทาง เมื่อระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ได้แล้วหมายความว่า ช่องทางการติดต่อจองคู่สายนี้จะถูกจองทั้งสาย ไม่สามารถรับการเชื่อมต่อจากคู่สายอื่นได้จนกว่าจะจบการเชื่อมต่อของคู่สนทนา สายโทรศัพท์เส้นนี้จึงจะว่าง หากเป็นระบบ digital ไม่ใช่เป็นการเพิ่มสายให้มีช่องทางมากขึ้น เพียงแต่เสมือนการแบ่งเลน ให้มีหลายช่องจราจร มีหลายระดับความเร็วแบ่งกันใช้ เมื่อเอาโทรศัพท์ที่สามารถใช้ระบบ IP
Telephony มาเชื่อมต่อก็เหมือนกับว่าโทรศัพท์ 2 เครื่องต่อผ่านสายโทรศัพท์ 1 เส้น แต่การส่งสัญญาณไปกลับจะถูกแบ่งเป็นแพ็กเก็ต แล้วทยอยส่งเป็นช่วง ช่วงว่างก็เป็นโอกาศให้ผู้อื่นส่งบ้าง เรียกว่าไปด้วยกัน แบ่งเลนกัน แบ่งเวาลกัน ดังนั้นช่วงเวลาเท่าๆกัน ระบบ IP Telephony สามารถคุยกันได้
VoIP สามารถประยุกต์ใช้กับข้อกำหนดของการสื่อสารได้เกือบทั้งหมด ตั้งแต่การติดต่อภายในองค์กร ระหว่างองค์กร ระหว่างประเทศ อุปกรณ์ที่ใช้ต้องมีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับทุกฝ่ายที่ใช้งานและใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และที่สำคัญต้องสามารถใช้ร่วมกับระบบโทรศัพท์แบบเดิมได้ด้วย ยังคงต้องใช้ควบคู่กับไป เพราะปัจจุบันส่วนใหญ่ องค์กรต่างๆยังคงใช้ระบบโทรศัพท์แบบเดิมอยู่ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งระบบ VoIP และระบบโทรศัพท์แบบเดิม
ที่มาบทความ https://www.gotoknow.org/posts/300860